ริ้วรอยบนใบหน้าคืออะไร
ริ้วรอย เป็นปัญหาผิวหน้าที่พบมากเมื่ออายุมากขึ้น แต่ในบางครั้งริ้วรอยอาจเกิดขึ้นมาก่อนวัยจนทำให้ดูอายุมากกว่าความเป็นจริงได้ หลายคนอาจคิดว่ายังอายุน้อย ริ้วรอยไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว แต่ในความเป็นจริงแล้วริ้วรอยจะเริ่มเกิดขึ้นบนใบหน้าตั้งแต่อายุ 25 และมากขึ้น ลึกขึ้น ชัดขึ้นทุกๆ ปี
ริ้วรอยคืออะไร?
ริ้วรอย (Wrinkles) คือปัญหาผิวหน้าอย่างหนึ่ง ที่ทำให้บริเวณผิวของเราเกิดรอยยับเป็นริ้ว เป็นเส้น หากเป็นมากจะเห็นเป็นร่องลึกลงไปในผิว ซึ่งริ้วรอยไม่ได้เกิดจากความผิดปกติ แต่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อเราอายุมากขึ้น
ริ้วรอยจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อเราอายุประมาณ 25 ปี และจะเกิดเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ นอกจากนี้ ริ้วรอยยังไม่ได้เกิดขึ้นแค่บนใบหน้าเท่านั้น แต่ผิวหนังทั้งร่างกายจะเริ่มมีริ้วรอยเมื่ออายุมากขึ้น จุดที่สามารถเห็นได้ชัดคือใบหน้า คอ มือ และแขน
สาเหตุการเกิดริ้วรอย
ริ้วรอยเกิดจากอะไร โดยปกติแล้ว ผิวของเราจะมีส่วนประกอบ 3 อย่างที่มีผลอย่างมากต่อความเต่งตึงของผิว นั่นคืออิลาสติน (Elastin), คอลลาเจน (Collagen), และกรดไฮยาลูโรนิค
อิลาสตินจะช่วยให้ผิวยืดหยุ่นและคืนรูป คอลลาเจนช่วยให้ผิวเต่งตึง เรียบเนียน ส่วนกรดไฮยาลูโรนิคมีผลทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ช่วยให้ผิวฟูและนุ่มขึ้น หากไม่มีสารทั้งสามตัวหรือมีน้อย เมื่อขยับกล้ามเนื้อ ผิวที่ถูกพับย่นจะไม่ขยายตัวออกมาอย่างเดิม จนเกิดริ้วรอยขึ้นบนผิว หากยังขยับให้ผิวย่นที่จุดเดิมเรื่อยๆ ก็จะเกิดเป็นริ้วรอยร่องลึกที่แก้ไขได้ยาก
ดังนั้น ริ้วรอยเกิดจากการที่ผิวหนังของเรามีปริมาณอิลาสติน, คอลลาเจน, และกรดไฮยาลูโรนิคลดลงจนผิวไม่แข็งแรง เต่งตึง และยืดหยุ่นเท่าเดิม ทำให้ผิวไม่สามารถคืนตัวได้ตามปกติหลังจากกล้ามเนื้อหดตัวและคลายลง ส่งผลให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและพับย่นจนเกิดเป็นริ้วรอยขึ้นมา
นอกจากนี้ริ้วรอยยังสามารถเกิดจากปัจจัยอื่นๆ ได้อีก อย่างผิวขาดน้ำ หรือผลัดเซลล์ผิวได้ช้าจนทำให้ผิวเกิดรอยย่นได้ง่าย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะดังกล่าวมีหลายสาเหตุ ได้แก่
- อายุ อายุเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเกิดริ้วรอย ร่างกายของคนเราจะสร้างสารที่ทำให้ผิวหนังเต่งตึงได้น้อยลงทุกๆ ปี ประมาณปีละ 1 เปอร์เซ็นต์ เมื่ออายุย่างเข้า 25 ปี ทำให้ผิวไม่เต่งตึงเท่าเดิม เริ่มหย่อนคล้ายจนทำให้เกิดริ้วรอยขึ้น
- พันธุกรรม คนเรามีช่วงเวลาที่เริ่มมีริ้วรอยต่างกัน ความลึก ความรุนแรง ความยากง่ายของการเกิดริ้วรอยก็ต่างกัน เนื่องจากผิวของคนเรามีโครงสร้างหรือลักษณะการสร้างสารต่างๆ ไม่เหมือนกันจากการกำหนดโดยพันธุกรรม
- รังสียูวี รังสียูวีเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้มากที่สุด ทั้งยังเร่งให้ริ้วรอยเป็นร่องลึกขึ้นได้มากกว่าเดิมด้วย เนื่องจากรังสียูวีสามารถเข้าไปถึงชั้นผิวหนังด้านใน และทำลายโครงสร้างของคอลลาเจน อิลาสติน และไฟเบอร์ต่างๆในผิว จนทำให้ผิวอ่อนแอ เกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าเดิมได้
- อนุมูลอิสระ อนุมูลอิสระ คือโมเลกุลหรืออะตอมที่ไม่เสถียร และไปจับกับโมเลกุลอื่นๆ เพื่อทำให้ตัวเองเสถียรขึ้น ส่งผลให้โมเลกุลหรืออะตอมอื่นๆ เสียหาย จนเกิดความผิดปกติขึ้นได้ ดังนั้นหากมีอนุมูลอิสระในร่างกายมากเกินไปอาจส่งผลต่อโครงสร้างต่างๆ ของผิว ทำให้เกิดริ้วรอยได้มากกว่าเดิมได้
- การสูบบุหรี่และดื่มสุรา บุหรี่มีผลต่อการสร้างคอลลาเจน และมีผลทำให้ร่างกายอายุมากขึ้น (Aging) เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเสื่อมลง ส่วนสุรามีผลทำให้ผิวขาดน้ำจนเกิดริ้วรอยตื้นๆ ได้
- ผิวแห้งที่เกิดจากอายุมากขึ้นหรือการขาดน้ำ น้ำในผิวมีผลอย่างมากต่อการทำให้ผิวฟูและเต่งตึง หากผิวขาดน้ำจะทำให้ผิวเป็นริ้วรอยได้มากขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะมีผลทำให้เกิดริ้วรอยตื้นๆ ไม่ได้มีผลทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกที่แก้ไขยาก
- ความเครียด ความเครียดมีผลต่อระบบต่างๆ ของร่างกายได้มาก ในเรื่องของการเกิดริ้วรอย ความเครียดจะมีผลกับโครงสร้างของโปรตีนในผิว ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เมื่อมีอะไรไปรบกวนผิวหรือขยับกล้ามเนื้อมากๆ อาจส่งผลให้เกิดริ้วรอยร่องลึกที่ผิวได้ง่ายกว่าปกติ
- การขยับกล้ามเนื้อใบหน้าซ้ำๆ เมื่อเรายิ้ม หัวเราะ เลิกคิ้ว หรือขมวดคิ้ว มักจะมีผิวบางส่วนที่ถูกกดเข้าหากัน หากผิวหนังส่วนนี้มีความยืดหยุ่นน้อย จะทำให้เกิดเป็นริ้วรอยบนใบหน้าได้ ยิ่งขยับซ้ำๆ ริ้วรอยจะยิ่งชัดขึ้นและเป็นร่องลึก
วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าให้เห็นผล
วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้ามีหลากหลายวิธี มีทั้งวิธีที่ช่วยบำรุงผิว ให้ผิวเกิดริ้วรอยได้น้อยลง และลดการทำงานของกล้ามเนื้อ ป้องกันไม่ให้ผิวย่นยับจนเกิดริ้วรอย โดยวิธีการที่จะช่วยลดริ้วรอยได้ มีดังนี้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอย ผลิตภัณฑ์สูตรลดริ้วรอย ควรมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่วนผสมที่นิยมใช้กันได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), วิตามินซี (Ascorbic acid), อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), และกรดไฮยาลูโรนิค นอกจากครีมบำรุงผิวเหล่านี้ ยังควรใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเสียหายจากผลของรังสียูวีร่วมด้วย
- การใช้ทรีตเมนต์ลดริ้วรอย การทำทรีตเมนต์ลดริ้วรอย เป็นการทำหัตถการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าโดยแพทย์ด้วยเครื่องมือเฉพาะ มีจุดประสงค์ทำให้ผิวถูกฟื้นฟู เสริมสร้างการสร้างคอลลาเจน อิลาสติน และกรดไฮยาลูโรนิค ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงอีกครั้ง ช่วยให้ริ้วรอยตื้นขึ้น มองเห็นได้ลดลง
- การฉีดโบท็อกซ์ ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขยับจนทำให้ผิวหนังพับเกิดรอยเหี่ยวย่นและริ้วรอย การฉีดโบท็อกซ์จะไปออกฤทธิ์กับระบบประสาทและกล้ามเนื้อในบริเวณที่ฉีด เมื่อกล้ามเนื้อคลายตัว ขยับน้อยลง ริ้วรอยในบริเวณดังกล่าวจะค่อยๆ น้อยและจางลง เสมือนการลบริ้วรอยบนใบหน้านั่นเอง
- การทำเลเซอร์ (Laser) เลเซอร์เป็นวิธีรักษาริ้วรอยบนใบหน้าที่มีผลในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน เต่งตึง ลดรอยเหี่ยวย่น โดยเลเซอร์ลดริ้วรอยบนใบหน้าที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน มีทั้ง Nd:YAG, Er:YAG, CO2 Laser, Fractional laser และ IPL (intense pulsed light)เลเซอร์เป็นวิธีที่เห็นผลไว แต่ก็อาจมีข้อเสียอย่างทำให้เม็ดสีผิดปกติชั่วคราว หรือผิวแสบลอกได้ในบางกรณี หากสนใจทำเลเซอร์ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังก่อนตัดสินใจทำ
- ฟิลเลอร์ (Filler) ฟิลเลอร์ เป็นวิธีลบริ้วรอยบนใบหน้า โดยการใช้กรดไฮยาลูโรนิคฉีดเข้าไปที่ผิวหนังโดยตรง สารดังกล่าวจะเข้าไปแทรกตามพื้นที่ผิวที่ยุบเป็นร่อง ช่วยเติมเต็มให้ผิวมีช่องว่างน้อยลง เต่งตึงมากขึ้น ลบรอยบนใบหน้าให้หายไปและเกิดซ้ำได้ยากขึ้น
การป้องกันการเกิดริ้วรอยด้วยวิธีแบบธรรมชาติ
วิธีที่ช่วยป้องกันริ้วรอยได้ดีที่สุด และวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติที่สามารถเห็นผลได้หากเป็นริ้วรอยตื้นๆ คือการปรับพฤติกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดริ้วรอย และเพื่อให้ผิวแข็งแรง เกิดริ้วรอยได้ยากขึ้น ซึ่งการป้องกันการเกิดริ้วรอยนี้เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปควรรู้ เพราะสำหรับเรื่องริ้วรอยนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยทำได้ง่ายกว่าการแก้ไขในภายหลัง
สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย ได้แก่
- ระวังการถูกแสงแดดและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ ผ่อนคลายความเครียด งดสูบบุหรี่และดื่มสุรา เพื่อหลีกเลี่ยงสาเหตุการเกิดริ้วรอย
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่สมดุล ผิวสุขภาพดีขึ้นให้ริ้วรอยเกิดได้น้อยลง ในร่างกายมีสารต้านอนุมูลอิสระมากขึ้น และให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงเซลล์บริเวณใบหน้าได้อย่างทั่วถึง
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ประมาณวันละ 6 – 8 แก้ว ช่วยให้ผิวอิ่มฟูขึ้น ลดการเกิดริ้วรอย
- เลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย เช่น ล้างหน้าบ่อยไป ถูหน้าแรงๆ แสดงอารมณ์ทางสีหน้ามากเกินไป หรือนอนตะแคงข้างใดข้างหนึ่งเป็นเวลานาน
สรุป
ริ้วรอยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ ไม่ได้มีผลในเรื่องสุขภาพ แต่การมีริ้วรอยบนใบหน้าอาจทำให้ดูอายุมากและมีผลในเรื่องของรูปลักษณ์ได้มาก ดังนั้นผู้ที่ต้องการรักษาริ้วรอยให้ตรงจุด เห็นผลไว ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
FACEBOOK : MedaClinic LINE ID: @medaclinic IG : meda.clinic