หมอ

นวด RF (Radio Frequency) คืออะไร ?


RF (Radio Frequency) คืออะไร ?
RF (Radio Frequency) คือ เทคโนโลยีการปล่อยคลื่นไฟฟ้าอ่อน ๆ ในรูปแบบของคลื่นวิทยุที่มีความถี่ในช่วง 0.3-0.5 MHz (เมกะเฮริตซ์) ที่ได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนัง องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA) ว่า มีความปลอดภัย และช่วยในการยกกระชับผิวให้ดูอ่อนวัยโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม

ถึงแม้ว่าจะเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่เพื่อความงาม แต่เครื่อง RF ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาให้มีประสิทธิภาพและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแวดวงการดูแลผิวพรรณและความงาม

RF หรือ Radio Frequency ทํางานอย่างไร
RF หรือ Radio Frequency ใช้กระบวนการในการนวดพร้อมปล่อยพลังงานในช่วงคลื่นความถี่วิทยุอ่อนๆโดยจะมีประจุเคลื่อนที่จากด้านประจุบวกวิ่งไปที่ด้านประจุลบ ซึ่งปฎิกิริยานี้ทำให้เกิดความร้อนที่ปลอดภัยต่อร่างกาย ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลผิวพรรณและความงามได้ เมื่อคลื่นความถี่นี้สามารถผ่านทะลุผิวชั้นบนได้ก็จะสามารถเข้าไปกระตุ้นการเพิ่มอุณหภูมิของผิวหนังในชั้นที่ลึกลงไปได้อีก ประมาณ 3-5 °C และเพื่อความปลอดภัยต้องไม่เกิน 42 °C ส่งผลโดยตรงต่อระบบการไหลเวียนของเลือด และของเหลวในร่างกายและกระตุ้นการเปลี่ยนรูปของพลังงานจากภายใน ทำให้ระบบโลหิตที่ได้รับการรักษามีอาการดีขึ้น หลอดเลือดขยายตัว ระบบเลือดและน้ำเหลืองไหลเวียนได้ดีโดยการขับของเสียออกมาในรูปแบบของเหงื่อและน้ำเหลืองนั่นเอง

กลไกในการทำงานของ RFหรือ Radio Frequency มีอะไรบ้าง?
1. ชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) เป็นผิวหนังชั้นบนสุด คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) จะกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์เพิ่มขึ้น ทำให้รูขุมขนเล็กลง ผิวเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยดูตื้นขึ้น และยังช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวพรรณขาวกระจ่างใสขึ้น
2. ชั้นหนังแท้ (Epidermis) เป็นผิวหนังชั้นถัดลงมา คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนชั้นใต้ผิวหนังและเส้นใยอีลาสติน ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อย กระชับและยืดหยุ่นมากขึ้น
3. ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) คลื่นวิทยุ RF (Radio Frequency) จะไปช่วยสลายไขมันหรือลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน และกระชับสัดส่วน

สามารถใช้ RF (Radio Frequency)ในบริเวณไหนได้บ้าง ?
คลื่นวิทยุความถี่สูง RF (Radio-Frequency) สามารถทำได้ทั่วหน้าและตามบริเวณร่างกาย ในบริเวณที่ต้องการเน้นหรือต้องการนวด เช่น หน้าผาก รอบดวงตา ระหว่างคิ้ว ร่องแก้ม รอบปาก กรอบหน้า เหนียงใต้คาง ลำคอ ส่วนบริเวณร่างกายที่ต้องการเน้นหรือต้องการนวด เช่น ต้นแขน ต้นขา และหน้าท้อง

การทำ RF (Radio Frequency) เหมาะกับใคร?
– เหมาะกับคนที่ดูดไขมันมาแล้ว และต้องการให้สัดส่วนกระชับมากขึ้น โดยการนวด RF (Radio Frequency)หลังดูดไขมัน
– เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องไขมันสะสมในตำแหน่งที่กำจัดหรือลดได้ยาก
– เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเล็กน้อย และไม่ต้องการใช้วิธีการฉีกหรือดูดออก
– เหมาะกับคนที่มีผิวหนังไม่กระชับ มีริ้วรอย และมีรอยแตกลาย
– เหมาะกับคนที่มีเซลลูไลท์ และผิวไม่เรียบเนียน

ข้อดีของการทำ RF (Radio Frequency)
– เป็นวิธีการดูแลผิวที่ไม่เจ็บ อีกทั้งการนวดยังทำให้เกิดความผ่อนคลาย
– ไม่ต้องพักฟื้น หลังการรักษาสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
– ไม่มีผลข้าง เคียงในการรักษา

ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ RF (Radio Frequency)
– ช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมัน
– ช่วยเร่งการเผาผลาญของไขมัน
– กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระชับสัดส่วน
– กระตุ้นให้ร่างกายขับของเสียในรูปของเหงื่อและน้ำเหลือง
– ในบางรายอาจน้ำหนักลด
– ลดพังผืดใต้ผิวหนัง หรือก่อนแข็งๆใต้ผิวหนัง
– ทำให้รู้สึกผ่อนคลายหรือสบายตัวขึ้นหลังทำ RF(Radio Frequency)

การทำ RF(Radio Frequency) มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
– ผู้ป่วยต้องถอดเครื่องประดับที่เป็นโลหะทุกชนิดก่อนเริ่มทำมิฉะนั้นอาจเกิดการช็อตได้, ห้ามผู้ป่วยและผู้ปฏิบัติสัมผัสตัวกัน มิฉะนั้นอาจเกิดการสปาร์คได้ และเตือนผู้ป่วยว่าไม่ควรขยับตัวบ่อย เพราะอาจทำให้แผ่นสื่อไฟฟ้าสถิตได้
– ห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะทำ RF เพราะคลื่นจากโทรศัพท์จะรบกวนคลื่นวิทยุทำให้เครื่องมือเสียหายได้
– ไม่เหมาะสมกับคนเป็นฝ้า เพราะความร้อนจะทำให้ผลิตเม็ดสีเมลานินเพิ่มมากขึ้น
– บริเวณที่ทำต้องมีตัวยาหล่อลื่นอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีตัวยาอยู่บริเวณที่ทำ อาจจะทำให้ผิวไหม้ได้และไม่ควรทำบริเวณไรผม
การทำ RF แต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 10-60 นาที แล้วแต่บริเวณที่ต้องการ สามารถทำได้ 1-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ จนครบ 10-15 ครั้ง ผลการทำจะสังเกตได้ตั้งแต่ครั้งแรกว่าสัดส่วนกระชับขึ้น ผิวเรียบเนียนตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การปฏิบัติหรือการดูแลตัวเองหลังการนวด RF (Radio Frequency)
– สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น
– หลังจากการนวดไปแล้ว 24 ชม. ให้ดื่มน้ำตามเฉลี่ย 3 ลิตร
– ควบคุมอาหารหลังการทำดูดไขมัน สลายไขมันและนวด RF (Radio Frequency) ไปแล้ว จะช่วยส่งผลดียิ่งขึ้น
– ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับได้ดียิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มความเร็วในการยกกระชับผิวหลังทำการจัดการกับไขมันไปแล้ว

 

 

 

 

 

 

นพ.ธีรศักดิ์ แพทยาดิกุล (หมอยาดี)
Dr.Teerasak Pattayadeekul (Moryadee)
แพทย์สาขาผิวหนัง ศัลยกรรมผิวหนัง/เลเซอร์/ความงาม
– MD.Msc.Phd Dermatology / LASER / Aesthetic Surgery.
– Fellow facial plastic Surgery USA/ Cosmetic Surgery Korea
– American Board Laser-Surgery at Westin diploma at Fort Lauderdale Florida USA
– Diploma of Hair Transplantation by Thai association and Academy of Cosmetic surgery and medicine

พญ.ทวีพร ตรีประภากร
Dr.Thaweeporn Treepraphakorn
แพทย์สาขาศัลยกรรมความงาม/ Laser/ ปลูกผม
แพทย์ อเมริกันบอร์ดปลูกผม 
– Fellowship in Cosmetic Surgery/ Korean  college of Cosmetic Surgery
– Diplomate American Board of Hair Restoration  Surgery/ABHRS
– Certificate Hair transplantation By Korean Society of Hair Restoration Surgery
– Member in association of Aesthetic Anti-aging Surgery,Thailand
– Member of International Society of Hair Restoration Surgery (ISHRS)
– Certificate Liposuction by Korean college of Cosmetic Surgery

 

LINE ID: @medaclinic

 

 

 

 

สนใจรับคำปรึกษา หรือติดต่อสอบถาม

เมด้าคลินิก 574 ถนน เชียงใหม่-ลำปาง
ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50000
โทร. 053-230257 , 062-3103798
เปิดทำการ จ-ศ 10.00 – 19.30 น.  ส-อา 10.30 – 19.30 น.
FACEBOOK : MedaClinic  LINE ID: @medaclinic  IG : meda.clinic

 

 

 

This entry was posted in . Bookmark the permalink.

บทความเพิ่มเติม

เมด้าคลินิกมี 4 สาขา ใกล้บ้านท่าน

📍สาขาเชียงใหม่ แยกดอนจั่น 574 ถนน เชียงใหม่-ลำปาง ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ Tel.053-230257 ,062-3103797, 062-3103798
 
📍สาขามีโชคพลาซ่า 206/17 ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
Tel. 053-230258 ,062-3103799, 062-3103800
 
📍สาขากรุงเทพ รังสิต
 

📍สาขาพัทยา 194/5และ194/6 หมู่9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง , Chon Buri, Thailand, Chon Buri

 

เวลาทำการ
จันทร์ – ศุกร์   10.00 – 19.30 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.30 – 19.30 น.