เสริมหน้าอกแล้วให้นมลูกได้ไหม?
ว่าที่คุณแม่ที่เคยเสริมหน้าอก สามารถให้นมลูกได้ตามปกติ เพราะเทคโนโลยีการเสริมหน้าอกในปัจจุบัน จะใช้วิธีการสอดถุงซิลิโคนเข้าไปใต้เต้านม จึงไม่มีผลกระทบต่อท่อน้ำนม หรือต่อมน้ำนมแต่อย่างใด แต่หากเป็นการผ่าตัดเพื่อทำการแก้ไขหรือลดขนาดของเต้านมที่มีการผ่าตัดบริเวณหัวนม แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดอีกครั้งว่า ควรใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบใด มีผลกับการผลิตน้ำนมหรือไม่
ปัจจุบันการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดโดยการฉีดยาชา หรือจะเป็นการผ่าตัดที่ต้องดมยาสลบ เช่น การผ่าตัดเสริมหน้าอก เป็นต้น แต่มีการผ่าตัดที่มีสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ คือ “การผ่าตัดเสริมหน้าอก” โดยเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดของเต้านมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่ยังรวมไปถึงแก้ไขความผิดปกติที่เกิดจากการรักษามะเร็งเต้านมอีกด้วย
วัตถุประสงค์หลักๆ ของการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งเสริมหน้าอก
- แก้ปัญหาเต้านมไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ทำขนาดเล็กให้ใหญ่ หรือทำขนาดที่ใหญ่เกินไปให้เล็กลง
- แก้ปัญหาหย่อนคล้อย สร้างเต้านมใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งหลังตัดเต้านม ปรับเปลี่ยนรูปร่าง และขนาดของหัวนมก็สามารถทำได้ด้วย
ซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอก สามารถแบ่งชนิดได้ 2 ชนิด
ความสวยงามของหน้าอกไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดเท่านั้น แต่รูปทรงก็ต้องเหมาะกับรูปร่างและความต้องการของเราด้วย ซึ่งซิลิโคนจะมีอยู่ 2 ทรง คือ ทรงกลม และทรงหยดน้ำ
- ซิลิโคนทรงกลม เหมาะกับสาวๆ ที่ต้องการเติมเต็มส่วนบนของเต้านมให้ดูอวบอึ๋มมากขึ้น หรือสาวๆ ที่ต้องการแก้ไขความหย่อนคล้อยของเต้านม โดยทรงนี้จะมีความนุ่มและยืดหยุ่น ทำให้เวลานั่งหรือยืน เจลภายในของซิลิโคนจะไหลลงไปบริเวณส่วนล่าง จึงมีลักษณะคล้ายทรงหยดน้ำ แต่จะกลับคืนตัวในท่านอนเสมือนเต้านมธรรมชาติเลยทีเดียว
- ซิลิโคนทรงหยดน้ำ เมื่อเสริมเข้าไปแล้วหน้าอกของสาวๆ ก็จะย้อยหน่อยๆ คล้ายกับหยดน้ำ เหมาะกับคนที่มีปัญหาอกไก่ คือซี่โครงตรงกลางอกค่อนข้างนูน ทรงนี้จะช่วยเพิ่มวอลลุ่มบริเวณฐานล่างของเต้านม ช่วยยกหัวนมให้ตั้งขึ้น ให้อกสวยได้รูปมากขึ้น เหมาะกับสาวๆ ที่มีหน้าอกเล็กหรือเต้านมตก ทำแล้วจะช่วยให้หน้าอกดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ขนาดและลักษณะของซิลิโคนสำหรับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก
- ผิวทราย เป็นมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดในช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดมีรายงานว่า ซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอกลักษณะผิวทรายอาจจะมีความเสี่ยงกับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ (breast implant associated anaplastic large cell lymphoma)
- ผิวเรียบ ใช้กันดั้งเดิมก่อนมีการผลิตผิวทราย ไม่มีการรายงานว่าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ตำแหน่งการสร้างแผลผ่าตัดเพื่อการศัลยกรรมเสริมหน้าอก
- แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้ฐานขอบใต้ราวนม ได้เต้านมที่ตำแหน่งแม่นเท่ากันที่สุด เกิดการช้ำน้อย และไม่มีโอกาสเกิดปัญหาหัวนมชา หรือท่อน้ำนมอุดตันบาดเจ็บ
- แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกที่รักแร้ ไม่มีรอยแผลบนเต้านม แต่การผ่าตัดค่อนข้างเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะจะมองไม่เห็นจุดเลือดออกขณะผ่าตัด การกำหนดตำแหน่งซิลิโคนแม่นยำต่ำกว่า มีโอกาสเกิดผังผืดมากกว่า เพราะเป็นการเลาะโพรงด้วยการแหวกเนื้อ (blunt dissection) ศัลยแพทย์บางท่านใช้กล้องผ่าตัดร่วมด้วยเพื่อลดปัญหา
- แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกรอบปานนม รอยแผลครึ่งวงกลมตามแนวปานนม มีความเสี่ยงบาดเจ็บเส้นประสาทและท่อน้ำนมมากกว่าวิธีอื่น
- แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกบริเวณสะดือ เป็นวิธีที่แผลเล็กที่สุด และไม่มีแผลบนเนื้อเต้านม ความยากคือการสอดถุงน้ำเกลือผ่านแผลสะดือ และเติมน้ำเกลือจนพองได้รูป ซับซ้อนมากกว่าวิธีอื่นๆ และจำเป็นต้องใช้เครื่องมือผ่านกล้อง ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง
ความลึกของการวางตำแหน่งซิลิโคนเสริมหน้าอก
- ใต้กล้ามเนื้อ หากเกิดปัญหาพังผืดจะอยู่ในชั้นลึก เต้านมใหม่มีความพุ่งน้อยกว่า เป็นภูเขาฐานกว้างมีความจำเป็นต้องตัดกล้ามเนื้ออกบางส่วนเพื่อสร้างโพรง อาจทำให้กำลังแขนและไหล่ของนักกีฬาลดลงเมื่อเกร็งกล้ามเนื้ออกอาจเห็นเต้านมขยับ
- ใต้เนื้อเต้านม เจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า เพราะไม่มีการตัดผ่านกล้ามเนื้อ ได้ความพุ่งเป็นเต้ามากกว่า ไม่ทำให้เกิดปัญหาในนักกีฬา
ความเปลี่ยนแปลงในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
- อาจมีความรู้สึกตึงแน่นบริเวณหน้าอก อาการจะดีขึ้นเองใน 1 – 2 วัน
- รอยช้ำอาจเกิดขึ้นในบางราย และจะค่อยๆ จางหายไปเอง แต่ไม่ควรจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณของเลือดออกภายใน
- อาการชาที่หัวนมอาจเกิดขึ้นได้มากในกรณีที่เนื้อถูกยืดด้วยซิลิโคนขนาดใหญ่ แต่ไม่ควรเกิดอาการชานานเกิน 1 – 2 สัปดาห์ในกรณีปกติ
ก่อนเสริมหน้าอก ต้องเตรียมตัวอย่างไร
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- เข้ารับการตรวจร่างกายเพื่อเตรียมความพร้อม
- แจ้งโรคประจำตัวและประวัติการใช้ยาก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัด
การดูแลตนเองหลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก
- หลีกเลี่ยงการขับรถ การยกของหนัก และใช้กำลังแขนหนักใน 1 – 2 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- การพันผ้ารัดหน้าอกมีทั้งผลดีและผลเสีย ควรเลือกพันในกรณีที่ศัลยแพทย์แนะนำ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะมีผลกระทบกับการหายของแผล อาจทำให้แผลไม่ติด แผลแยก
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเลือดออกและบวมหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
- ไม่ควรนวดเต้านมด้วยตัวเอง หากการผ่าตัดทำให้เกิดความช้ำน้อยและหายไว
- พังผืดอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก จึงไม่มีความจำเป็นต้องนวดทุกราย
- เมื่อจำเป็นต้องนวดในกรณีเต้านมแข็งหรือผิดรูป ควรอยู่ในความดูแลของศัลยแพทย์
- หลังผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถให้นมบุตรได้ในตามปกติ แต่หากวางแผนตั้งครรภ์แนะนำให้มีระยะเวลาห่างจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะตั้งครรภ์
- ประมาณ 1 – 2 เดือนแรก รูปร่างของเต้านมจะใหญ่กว่าขนาดจริง และจะค่อยๆ หย่อยตัวลงเป็นธรรมชาติใกล้เคียงขนาดจริง หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 2 – 3 เดือน
เสริมหน้าอกแล้วให้นมลูกได้ไหม
FACEBOOK : MedaClinic LINE ID: @medaclinic IG : meda.clinic