รีวิวเสริมจมูก โดยเมด้าคลินิก เชียงใหม่
เสริมจมูก คืออะไร ?
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) คือ การผ่าตัดตกแต่งจมูกที่อาจแลดูแล้วไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ไม่มีมิติ ไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสม โดยตกแต่งจมูกที่เล็กแบน เชิด หรือสั้นให้โด่งขึ้น การผ่าตัดเสริมจมูกนอกจากทำเพื่อความสวยงามแล้ว ก็ยังทำเพื่อแก้ไขจมูกที่ผิดรูปร่าง หรือเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง หรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ และความบกพร่องที่มีมาแต่กำเนิดได้อีกด้วย โดยใช้วัสดุต่างๆ นำมาเสริม เช่น กระดูกอ่อน บริเวณต่างๆ หนังแท้ วัสดุสังเคราะห์ซิลิโคน กอร์เท็กซ์ เม็ดพอร์ เป็นต้น
เสริมจมูก เมด้าคลินิก
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจเสริมจมูก
1.การเสริมจมูก เป็นการใช้ซิลิโคนเสริมลงบนกระดูกในชั้นใต้เยื่อหุ้มกระดูก หลังเสริมจะดูเป็นเป็นธรรมชาติ สามารถบิดปลายจมูกได้ แต่แกนยังคงล๊อคติดแน่นกับกระดูก ไม่โยกลอยไปมา
2.ซิลิโคนมีความนิ่ม / แข็งแตกต่างกันออกไป มีหน่วยของความแข็งเป็นดูโร ซิลิโคนนิ่ม ไม่ใช่จะดีเสมอไป เพราะบางครั้งการนิ่มเกินไป ทำให้ไม่สามารถตั้งปลายจมูกที่สวยงามได้ ซิลิโคนแข็งเกินไปจะไม่ยืดหยุ่น จะทำให้เนื้อจมูกบางลงถ้าหากต้องการความสูงโด่ง ซึ่งซิลิโคนแบบนิ่มมาตรฐาน สามารถเสริมได้ ให้พอดีกับเนื้อจมูกเท่านั้น คุณหมอจะเป็นคนเลือกลักษณะของซิลิโคนที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคลค่ะ
3.หลังทำต้องดูแลตัวเองหลังการผ่าตัด พักฟื้น 2-3 วัน นอนหัวสูง. ประคบเย็นบ่อยๆ ไม่ควรก้มๆเงยๆ หรือเล่นโทรศัพท์มือถือ เพราะจะทใฝห้บวมช้ำมากขึ้น อาการบวมจะลดลงในวันที่ 4 หลังจากทำ
4.งดอาหารแสลง 2 สัปดาห์ ส้มตำ ปู ปลาร้า หอยดอง ผักดอง หน่อไม้ และแอลกอฮอล์ทุกชนิด
5.หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และงดการสูบบุหรี่ เพราะทำให้แผลมีการอักเสบ บวม แดง หรือแผลไม่ติดได้
6.รูปทรงจมูกที่ได้ แพทย์แต่ละคนมีมุมมองความสวยที่แตกต่างกันออกไป ให้พิจารณาผลงานของแพทย์ที่เราจะเสริมเป็นสำคัญ การเอารีวิวของแพทย์อีกคนไปให้อีกคนทำเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ (ใครไม่เชื่อก็ลองดู) เพราะการเหลาซิลิโคนก็เหมือนลายมือที่เขียนหนังสือ ไม่สามารถทำให้เหมือนกันได้
7.เสริมจมูก โด่งได้มากน้อย ขึ้นกับความยืดหยุ่นของเนื้อจมูก แต่ละคนไม่เท่ากัน ต้องมาจับประเมินที่คลินิกเท่านั้น มองจากรูปดูไม่ได้
8.ที่คลินิก ประเมินความสูงโด่งโดยยึดความปลอดภัย ถ้าไม่สามารถทำได้ เรื่องจากเหตุผลด้ารความปลอดภัยจะแจ้งก่อนทำเสมอ หากไม่ทำคืนเงินมัดจำทุกกรณี
9.เลือกหมอที่สามารถให้การดูแลหลังเสริมจมูกได้ ไม่ทอดทิ้งเคส ไม่ปัดความรับผิดชอบ
10.แพทย์ทุกคนย่อมมีทั้งเคสที่ดี และไม่ดี ซึ่งแพทย์ที่มีประสบการณ์หรือทำเคสมาเยอะกว่าจะมีจำนวนเคสที่ไม่ดีน้อยกว่ามากๆ และรู้วิธีที่จะจัดการกับปัญหาตั้งแต่เนินๆ
เสริมจมูก เหมาะกับใคร
1.คนที่ต้องการให้ทรงจมูกสวยขึ้น
2.คนที่มีปัญหาดั้งหรือสันจมูกที่ยังไม่โด่ง
3.คนที่มีปัญหาฐานจมูกกว้าง
4.คนที่มีปีกจมูกกว้าง
5.คนที่อยากให้ใบหน้าได้สัดส่วน หวานละมุนมากขึ้น
เสริมจมูก มีกี่แบบ
การเสริมจมูกมีด้วยกัน 2 รูปแบบหลักๆ นั่นก็คือ การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) และ การเสริมจมูกแบบเปิด (Open Rhinoplasty) ซึ่งเป็นเทคนิคที่นิยมทำกันอย่างมาก สำหรับใครที่ต้องการเสริมจมูกให้ดูสวยงาม และ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องทรงจมูก ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีข้อดี และ ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
เสริมจมูกแบบแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
เสริมจมูกแบบเปิดหรือมักจะเรียกว่าการเสริมจมูกแบบแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
วิธีนี้จะเป็นการผ่าตัดเพื่อเปิดเนื้อจมูกขึ้น ให้แพทย์สามารถมองเห็นโครงสร้างฐานจมูกได้อย่างชัดเจนและวางแผนการปรับจมูก วางซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ
และเหมาะกับการตะใบสันจมูกเพื่อปรับฐานจมูกให้เรียบเสริมกันก่อนที่จะใส่ซิลิโคน วิธีนี้สามารถรองเนื้อเยื้อเทียมหรือกระดูกอ่อนหลังใบหูบริเวณปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุได้ดี
วิธีนี้เหมาะกับจมูกประเภทไหน : เหมาะกับคนไข้ที่กังวลเรื่องปลายจมูกทะลุ หรือกลุ่มที่มีโครงสร้างจมูกลักษณะพิเศษ เช่น จมูกไม่ตรง มีสันจมูก(ฮัมพ์) โครงจมูกสั้น เป็นต้น
ข้อดี : สามารถปรับโครงสร้างจมูกให้ได้รูปได้อย่างดี และเสริมเทคนิครองจมูกได้อย่างแม่นยำ
ข้อเสีย : ระยะเวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน มีราคาค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นเคสผ่าตัดเฉพาะทางที่มีความยากและต้องใช้เทคนิคของแพทย์
การเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
วิธีนี้แม้จะเป็นการเสริมแบบปิดแต่ก็ยังจำเป็นต้องมีการผ่าตัดเพื่อเปิดช่องและสอดซิลิโคนเข้าไป จากนั้นแพทย์จะจัดตำแหน่งการวางซิลิโคนให้เข้า วิธีนี้ยังสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคป้องกันทะละด้วยการรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังใบหูเช่นกัน
วิธีนี้เหมาะกับจมูกประเภทไหน : เหมาะกับคนไข้ไม่ค่อยมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างจมูก *ควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลเพื่อพูดคุยและสำรวจประเมินโครงจมูกร่วมด้วยทุกครั้ง
ข้อดี : ราคาถูกกว่าและระยะเวลาพักฟื้นนานน้อยกว่าแบบโอเพ่น ค่อนข้างเป็นที่นิยมในการเสริมจมูกครั้งแรก
ข้อเสีย : ต้องระวังการเอียงของซิลิโคน แม้มีการรองปลายจมูกด้วยเทคนิคเดียวกันได้แต่มักจะมีการขยับ-เคลื่อนของวัสดุรองปลายจมูกเกิดขึ้นได้ แม้จะมีโอกาศน้อยแต่อาจจะเป็นเหตุทำให้ปลายจมูกทะลุได้
การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูก
หลังการผ่าตัดเสริมจมูกนั้น บริเวณจมูกและใบหน้าของลูกค้าจะมีอาการบวม ซึ่งต้องใส่ใจในการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ลานนาวดีคลินิกจึงขอแนะนำวิธีคนไข้ควรดูแลตัวเองเพื่อลดอาการบวมและให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
1.หลังการผ่าตัด 24-48 ชม. แรกจำเป็นต้องนอนศรีษะสูงและประคบด้วยความเย็นเพื่อลดความบวมบริเวณจมูก
2.หลังจาก 48 ชม.ไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นการประคบด้วยน้ำอุ่นแทน
3.การบวมจะมากที่สุดใน 72 ชม.แรก หลังจากนั้นก็จะค่อยๆยุบลงภายใน 7-10 วัน
4.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม
5.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณจมูกในช่วงเดือนแรกๆ
6.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
7.งดอาหารหมักดองทุกชนิด เพราะจะทำให้เกิดอาการอักเสบ คัน และอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆได้ง่าย โปรดหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด
8.รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ และควรมาพบแพทย์ตามนัดหมาย
9.หากเกิดอาการผิดสังเกตหรือมีคำถามต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อปรึกษาคุณหมอและเจ้าหน้าที่ของเรา
โดยส่วนใหญ่เมื่อความบวมลดลงแล้ว ผิวบริเวณจมูกจะเปลี่ยนให้เห็นเป็นสีม่วง, สีเขียวและสีเหลืองตามลำดับ และหายไปในที่สุด การบวมจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย และการหายบวมช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการทำผ่าตัดว่า แพทย์ได้แก้ไขให้มากน้อยเท่าใด โดยส่วนมากแพทย์จะนัดดูอาการและตัดไหมที่เย็บไว้ที่จมูกประมาณ 7 วันหลังการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม ในเคสที่คนไข้ที่อายุน้อยและไม่ได้ทำการแก้ไขโครงจมูกมากนัก ร่างกายจะรักษาอาการบวมลดลงได้อย่างรวดเร็ว และจมูกจะเริ่มเข้าที่ ในระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน และจะอาการบวมจะหายเกือบ 100 % หลังจากระยะประมาณ 3 เดือนไปแล้ว การยุบบวมดังกล่าวเป็นการประมาณการณ์ของคนไข้ที่ได้รับบริการส่วนใหญ่
บางกรณีอาการบวมของคนไข้อาจจะยุบบวมเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งที่คนไข้จะต้องใส่ใจ เพราะมีบางกรณีคนไข้จะได้รับคำแนะนำที่เฉพาะตัวและอาจต้องมีการดูแลที่พิเศษแตกต่างไปจากคนไข้รายอื่น คนไข้สามารถปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ และเจ้าหน้าที่ลานนาวดีคลินิกได้ทุกวันทำการ
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมจมูก
หลังการผ่าตัดเสริมจมูกนั้น บริเวณจมูกและใบหน้าของลูกค้าจะมีอาการบวม ซึ่งต้องใส่ใจในการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ลานนาวดีคลินิกจึงขอแนะนำวิธีคนไข้ควรดูแลตัวเองเพื่อลดอาการบวมและให้ร่างกายฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้
1.หลังการผ่าตัด 24-48 ชม. แรกจำเป็นต้องนอนศรีษะสูงและประคบด้วยความเย็นเพื่อลดความบวมบริเวณจมูก
2.หลังจาก 48 ชม.ไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นการประคบด้วยน้ำอุ่นแทน
3.การบวมจะมากที่สุดใน 72 ชม.แรก หลังจากนั้นก็จะค่อยๆยุบลงภายใน 7-10 วัน
4.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม
5.หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เกิดการกระทบกระเทือนบริเวณจมูกในช่วงเดือนแรกๆ
6.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
7.งดอาหารหมักดองทุกชนิด เพราะจะทำให้เกิดอาการอักเสบ คัน และอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆได้ง่าย โปรดหลีกเลี่ยงอย่างเคร่งครัด
8.รับประทานยาตามแพทย์สั่งให้ครบ และควรมาพบแพทย์ตามนัดหมาย
9.หากเกิดอาการผิดสังเกตหรือมีคำถามต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อปรึกษาคุณหมอและเจ้าหน้าที่ของเรา
โดยส่วนใหญ่เมื่อความบวมลดลงแล้ว ผิวบริเวณจมูกจะเปลี่ยนให้เห็นเป็นสีม่วง, สีเขียวและสีเหลืองตามลำดับ และหายไปในที่สุด การบวมจะเกิดขึ้นมากหรือน้อย และการหายบวมช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการทำผ่าตัดว่า แพทย์ได้แก้ไขให้มากน้อยเท่าใด โดยส่วนมากแพทย์จะนัดดูอาการและตัดไหมที่เย็บไว้ที่จมูกประมาณ 7 วันหลังการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม ในเคสที่คนไข้ที่อายุน้อยและไม่ได้ทำการแก้ไขโครงจมูกมากนัก ร่างกายจะรักษาอาการบวมลดลงได้อย่างรวดเร็ว และจมูกจะเริ่มเข้าที่ ในระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน และจะอาการบวมจะหายเกือบ 100 % หลังจากระยะประมาณ 3 เดือนไปแล้ว การยุบบวมดังกล่าวเป็นการประมาณการณ์ของคนไข้ที่ได้รับบริการส่วนใหญ่
บางกรณีอาการบวมของคนไข้อาจจะยุบบวมเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งที่คนไข้จะต้องใส่ใจ เพราะมีบางกรณีคนไข้จะได้รับคำแนะนำที่เฉพาะตัวและอาจต้องมีการดูแลที่พิเศษแตกต่างไปจากคนไข้รายอื่น คนไข้สามารถปรึกษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ ผู้ช่วยแพทย์ และเจ้าหน้าที่ลานนาวดีคลินิกได้ทุกวันทำการ
อาหารที่แนะนำสำหรับคนเสริมจมูก
อาหารที่จะช่วยเสริมการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี
น้ำมะพร้าว – ช่วยลดอาการอักเสบ
น้ำใบบัวบก – ช่วยลดอาการช้ำ บวม
น้ำเต้าหู้ผสมฟักทอง – ช่วยสมานแผลเนื่องจากมีโปรตีนจากถั่วเหลือง
รับประทานอาหารที่มีรสชาติอ่อน ช่วยให้แผนหายบวมได้ดีกว่า และควรงดอาหารที่มีโซเดี่ยมสูงหรืออาหารรสจัด
เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป ก๋วยเตี๋ยว
** อาหารสำเร็จรูปในร้านสะดวกซื้อ เช่น โจ๊ก-อาหารแช่แข็ง ลานนาวดีก็ไม่แนะนำเพราะแม้จะเป็นอาหารอ่อน แต่ว่ามีโซเดี่ยมสูงกว่าปกติควรรับประทานอาหารที่เราสามารถปรุงได้เองหรือให้ร้านอาหารทำให้เป็นพิเศษจะดีที่สุด
REVIEW!!
*ผลลัพธ์อาจเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละบุคคล